วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แนวโน้ม ชุดชั้นในชาย

หากคุณได้อีกเพียงไม่เกินที่"มากขึ้นในการที่เหมือนกัน"เมื่อเร็ว ๆ นี้คุณอยู่ในการช็อกครั้งต่อไปที่คุณจะตีแผนกชุดชั้นในของร้านค้าปลีกท้องถิ่นของคุณ

การตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่ประเภทของชุดชั้นในชาย หรือกางเกงในชาย ที่จะซื้อจะได้รับซับซ้อนมากขึ้นขอบคุณที่เหมาะกับการโจมตีของใหม่, ผ้าและแบรนด์ ปีที่ผ่านมาได้เห็นแนวโน้มไม่กี่ที่ใหม่ทั้งหมด (คน girdles หรือ lifters ชน, ใคร?) เช่นเดียวกับวิวัฒนาการของการปรับปรุงที่เหมาะกับสีสดใสและรูปแบบและเนื้อผ้าที่มีประสิทธิภาพ

วลีที่พบในบรรจุภัณฑ์ชุดชั้นในวันนี้เป็นเด็ดที่แตกต่างจากเงื่อนไขที่คุ้นเคยจากเพียงทศวรรษที่ผ่านมา และตรงไปตรงที่พวกเขาร่วมกันเป็นจำนวนมากที่เหมือนกันคำศัพท์ที่พบในชั้นของผู้หญิง :"shapewear"เพิ่ม""และ"Low - rise".

แม้ว่าวัตถุประสงค์และหน้าที่ของผู้ชายและผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันของผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น Techonlogy เป็นเหมือนกัน

ชุดชั้นในของผู้ชายอยู่ในระหว่างการปฏิวัติที่ไมเคิล Kleinman, ผู้ก่อตั้งของ Freshpair.com กล่าวว่า "องค์ประกอบที่แพร่หลายมากที่สุดที่จะตีแม้กระทั่งชุดชั้นในทุกวันคือความสามารถที่จะทำมากกว่าเพียงแค่จะสวมใส่มันทุกอย่างเกี่ยวกับชุดชั้นในที่มีการทำงาน."ประเภทใหม่ที่สำคัญที่ดึงดูดการลากในปีนี้เขากล่าวว่ามีลักษณะมุ่งเน้นที่การสร้างและเสริมสร้าง และพวกเขาช่วงจากที่ลึกซึ้งไปมาก

Kleinman กล่าวว่าสิ่งที่สำคัญที่จะเข้าใจได้ว่ามีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบสำหรับประเภทของคนทุกคน -- จากอนุรักษ์นิยมกับแฟชั่นไปข้างหน้าด้วยความพอดีและผ้าที่อยู่ในทุกกิจกรรมประจำวันเป็นไปได้

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับผ้าฝ้าย -- กางเกงนักมวยและในสีที่เป็นกลาง -- ยังคงขายดิบขายดี แต่มีรับ groundswell ของความไม่คุ้นเคยในตลาดที่ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณต้องการร้านค้าที่เป็นทั้งที่น่าตื่นเต้นหรือครอบงำ "พอดีจะเข้มงวดมากขึ้นและเพิ่มขึ้นจะต่ำกว่า"Kleinman กล่าวว่า "และเราจะเห็นลูกค้าจะจ่ายเงินให้ความสนใจมากเป็นวิธีการที่เหมาะกับชุดชั้นในของพวกเขาที่พวกเขาทำเสื้อผ้าของพวกเขา."

เทคนิคการเลือกซื้อกางเกงในชาย

 หากมีโอกาสได้เดินตามห้างสรรพสินค้า เราจะสังเกตว่ากางเกงในชายนั้นมีให้เลือกหลายรูปแบบ ดีไซน์มากมายหลายประเภท จนผู้ชายหลายคนก็คงเลือกไม่ถูกเช่นกัน ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราลองมาดูกันว่า กางเกงในแต่ละประเภทนั้นมีแบบไหนกันบ้าง และจะเลือกอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมกับคุณพ่อและคุณลูกชายกันค่ะ

      กางเกงในแบบขาสั้น หรือที่เราคุ้นกันว่า Boxer เป็นกางเกงในไม่กระชับ ใส่สบาย แต่ไม่สามารถใส่เคลื่อนไหวมากนัก เช่น การออกกำลังกาย เป็นต้น ที่เป็นที่นิยมคนไทยอย่างเรา ๆ ได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก ส่วนมากจะมีความยาวครึ่งต้นขา ทั้งนี้กางเกงประเภทนี้กลายเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเทรนด์การใส่ Boxer นี้ได้ลามไปถึงผู้หญิงบางกลุ่มเรียบร้อยแล้ว

      กางเกงในขาสั้นรัดรูป กางเกงรูปทรงนี้จะต่างจากแบบแรกตรงที่ว่า กางเกงในแบบนี้เพิ่มความกระชับให้สะดวกต่อการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้โอบอุ้มน้องชายของคุณผู้ชายมากนัก

     Pouch boxer คือกางเกงในขาสั้นแบบกระชับอีกชนิดหนึ่ง ที่โอบอุ้มน้องชายของเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ก็จะพกความมั่นใจได้มากขึ้น เพราะความกระชับของกางเกงตัวนี้


      กางเกงในยอดฮิต (1) กางเกงในแบบนี้เราคงเห็นมากันตั้งแต่จำความได้ เพราะกางเกงในประเภทนี้ในเมืองไทยมีหลายยี่ห้อหลายรูปแบบ แต่ปัจจัยที่จำเป็นต่อการเลือกนั้น คือ คุณภาพของเนื้อผ้า การระคายเคือง และที่สำคัญอย่าเลือกที่กระชับมากจนเกินไปนัก เพราะอาจจะทำให้น้องชายของเจ้าของกางเกงเจ็บปวดได้ ทั้งนี้กางเกงในแบบนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ความสบายตรงที่เปิดต้นขาสูง เอวต่ำ เพิ่มเสน่ห์ต่อสาว ๆ ได้มากทีเดียว

       กางเกงในยอดฮิต (2) รูปแบบนี้ อาจจะมีปัญหากับผู้สวมใส่บางท่าน เพราะขอบยางที่มีเฉพาะกางเกงในแบบนี้ทำให้ผู้สวมใส่บางท่าน เกิดการระคายเคือง เนื่องจากการเสียดสีระหว่างขอบกางเกงกับเนื้อของเราเมื่อเคลื่อนไหว ดังนั้นกางเกงในแบบนี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมั่นใจในรูปร่างของตัวเองเท่าใดนัก

      กางเกงในจีสตริง หากผู้หญิงมีจีสตริงเพื่อแสดงถึงความเซ็กซี่เล็กๆ สำหรับผู้ชายแล้วก็มีให้เลือกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะผู้ชายที่ต้องการความเซ็กซี่ก็สามารถเลือกใส่จีสตริง สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งหากท่านใดที่พกความมั่นใจจนล้นกระเป๋า พร้อมน้อมรับฉายา "ผู้ชายเซ็กซี่ที่สุดแห่งปี" กางเกงในประเภทนี้คงเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับคุณแน่นอน

      ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกซื้อกางเกงในแบบใด ยี่ห้อไหน สีอะไร สิ่งที่คุณผู้ชายหรือคุณแม่บ้าน (ในกรณีที่ซื้อฝากหัวหน้าครอบครัวหรือลูกชาย) ควรคำนึงถึงประโยชน์ในการสวมใส่เป็นอันดับแรกว่า การเลือกที่จะใส่กางเกงในแต่ละประเภทนั้น มันเหมาะสมกับเจ้าตัวหรือไม่ หรือมีความกระชับมากน้อยเพียงใด เพราะหากมองหาแต่ความสวยงามและยี่ห้อเป็นหลัก มีหวังคงต้องไปปรึกษาแพทย์ในภายหลังเพราะโรคเกี่ยวกับตรงนั้น... "น้องชายของคุณ" แน่นอน โดยเฉพาะโรคไส้เลื่อน ที่จะมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการใส่กางเกงในรัดแน่นจนเกินไป ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี อีกทั้งยังก่อให้เกิดเชื้อโรคที่หมักหมมได้อีก

การเลือกซื้อ กางเกงในชาย เสื้อกล้ามชาย

กางเกงใน  เป็นเสื้อผ้าชุดชั้นในที่มีขายทั่วไป ในการเลือกซื้อควรพิจารณา  ดังนี้
1. วงขากว้างพอดี ขอบขามียางยืดกระชับเมื่อสวมใส่
2. ทำด้วยผ้าที่สวมใส่สบาย ซับเหงทาอได้ดี ยืดหย่นได้
3. ฝีเข็มการเย็บแน่นหนา  และเรียบร้อยประณีต
4. ถ้าเป็นกางเกงในชาย  ขอบเอวขนาดกว้างอย่างน้อย 1 นิ้ว เดินจักรทับยางยืดหลาย ๆ ครั้ง
    ถ้าเป็นกางเกงในสตรี  ขอบเอวใส่ยางยืดเล็ก กว้างไม่เกิน 1/2 นิ้ว




เสื้อกล้ามชาย  เป็นเสื้อผ้าชุดชั้นในที่มีขายทั่วไป ในการเลือกซื้อควรพิจารณา  ดังนี้  
1. เป็นผ้าฝ้าย ยืดหยุ่นได้ ซับเหงื่อได้ดี
2. ชายเสื้อยาวเสมอกันโดยรอบ
3. เลือกขนาดให้พอเหมาะกับผู้สวม
     - ขนาดเล็ก    เบอร์ S รอบอก 34-36 นิ้ว
     - ขนาดกลาง  เบอร์ M รอบอก 38-40 นิ้ว
     - ขนาดใหญ่   เบอร์ L  รอบอก 42-44 นิ้ว
     - ขนาดใหญ่พิเศษ  เบอร์ LL รอบอก 46 นิ้ว  

บุกตลาดชุดชั้นในชาย

ล้ำยุค บุกตลาดชุดชั้นในชาย หรือกางเกงในชาย ปีหลังเตรียมลุยตลาดหนัก พร้อมทุ่มทุนกว่า 55 ล้านบาท (23/06/51) 
ล้ำยุค บุกตลาดชุดชั้นในชายเอาใจผู้ชายรักแฟชั่นคาดยอดขายเกิน 30 ล้านบาท  ครึ่งปีหลังเตรียมลุยตลาดหนัก วางงบลงทุนกว่า 55 ล้านบาท เชื่อกำลังซื้อกลับ หวังกระตุ้นยอดขาย 300 ล้านบาทสิ้นปี ไม่หวั่นเศรษฐกิจเตรียมบุกตลาดเซาท์อีสเอเชีย
วรวุฒิ หวังวรวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท ล้ำยุค (มิลเลนเนี่ยม 2002) จำกัด ผู้ก่อตั้งชิคคลับกลุ่มธุรกิจนำเข้าสินค้าลิขสิทธ์ ภายใต้แบรนด์ “เพลย์บอยเปิดเผยว่า ทางบริษัทใช้งบลงทุนรวมทั้งหมดภายในปีนี้ประมาณ 55 ล้านบาท แบ่งเป็นงบในการขยายสาขา 30 ล้านบาท โดยบริษัทวางแผนจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 4 สาขา ในพื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนได้แก่ สยามสแควร์ เมเจอร์รัชโยธิน ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาแจ้งวัฒนะ และสาขาพัทยา นอกจากนี้บริษัทได้มีแผนที่ขยายสาขาไปยังต่างประเทศในแถบเซาท์อีสเอเซีย อาทิ สิงค์โปร์ มาเลเซีย เวียดนาม พม่า บรูไน ซึ่งจะเป็นสินค้าเครื่องแต่งกายทั้งหมดของเพลย์บอย โดยประเทศไทยจะเป็นผู้ส่งออก

และที่เหลือเป็นงบการตลาด 25 ล้านบาท โดยการทำ CRM ผ่านกลุ่มลูกค้าประจำที่ปัจจุบันมีสมาชิกวีไอพีอยู่ประมาณ 3,000 คน รวมทั้งมีการทำการตลาดผ่านช่องทางอีคอมเมอร์ส (E-Commerce) ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการพัฒนา และคาดว่าจะพร้อมใช้ในปีหน้า และร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มธุรกิจต่างๆ อาทิโรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกาย ค่ายเพลง กลุ่มบัตรเครดิต เป็นต้น

อย่างไรก็ตามบริษัทได้เล็งเห็นว่าปัจจุบันผู้ชายเริ่มหันมาให้ความสนใจการดูแลตัวเองมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่าตลาดในกลุ่มนี้เริ่มมีการเติบโตเป็นอย่างมาก ล่าสุดบริษัทจึงได้เปิดตัวชุดชั้นในชาย” เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าชายทุกกลุ่ม โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในเซาท์อีสเอเชีย และเป็นประเทศที่4 ของโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา,ฝรั่งเศส,ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

สำหรับสินค้าชุดชั้นในชายจะมีทั้งผลิตเอง และนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่นโดยแบ่งเป็นอัตราส่วนนำเข้าร้อยละ 70 ผลิตเองร้อยละ 30 และในอนาคตคาดว่าจะอัตราส่วนร้อยละ 50 50 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศ โดยจะมีวางจำหน่ายสินค้าในช่วงครึ่งปีนี้ ตั้งเป้ายอดจำหน่ายชุดชั้นในชาย(กลุ่มลักชัวรี่ แฟชั่นแบรนด์)ไว้ประมาณร้อยละ 5 หรือ 30 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมชุดชั้นในชาย

ทั้งนี้ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายสินค้าโดยรวมของบริษัทโตขึ้น ยอดขายโดยรวมปีนี้ได้ตั้งเป้าไว้ที่ 300 ล้านบาทจากปีที่แล้วที่ตั้งไว้ 200 ล้านบาท รวมทั้งในช่วงเดือนตุลาคมของปีนี้บริษัทได้เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ คือ อาร์โนล พาร์เมอร์ จากสหรัฐอเมริกา โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับราคาปานกลาง ประมาณ 800-1,500 บาท และมาร์ค ฟาร์เวล เป็นสินค้าเครื่องแต่งกายชาย โดยจะเน้นกลุ่มผู้ชายระดับราคา 1,000-2,500 บาท

สำหรับภาพรวมรายได้ของบริษัททั้งหมดปีนี้ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ร้อยละ 25 จากปีที่แล้วที่มีการเติบโตร้อยละ 30 ซึ่งถือว่าปีนี้ได้ตั้งเป้ารายได้ลดลงมาร้อยละ 5 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน.

ข้อเสนอแนะตลาดกางเกงในชาย

ข้อเสนอแนะตลาดกางเกงในชาย


จากผลการวิจัยความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ประเภทกางเกงในชายในครั้งนี้สามารถนําไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจ ในการปรับปรุง เพิ่มเติมกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อตอบสนองความ
ตองการของลูกค้าให้ตรงจุดมากขึ้น โดยทางคณะผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังนี้

1. จากผลการวิจัยพบว่า แรงจูงใจทางด้านเหตุผลมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในชายของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก โดยผูบริโภคจะให้ความสําคัญกับการระบายอากาศของเน้ือผ้ามาก
ในขณะเดียวกันก็ให้ความสําคัญกับเร่ืองของคุณภาพอ่ืนๆด้วย เช่น ความทนทานของสีความ
ละเอยดในการตัดเย็บ ความคงทนของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรเน้นการผลิตชุดชั้นในที่คุณภาพ มีการระบายอากาศของเนื้อผ้าได้ดี  และผู้ประกอบการควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์จุดเด่นตรงนี้ให้ผู้บริโภครับรู้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้น เช่น อาจจะมีสินค้าให้ผู้บริโภคลองสัมผัสดูหรออาจจะเพิ่มการโฆษณาในเรื่องของคุณภาพสินค้าให้มากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการควรเลือกช่องทางการติดต่อสื่อ สารให้เหมาะกับผู้บริโภคและต้นทุนที่มีอยู่

2. จากผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยเรื่องความนิยมในตัวพรีเซนเตอร์ที่เป็นแรงจูงใจทางด้าน
อารมณ์มีผลต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคค่อนข้างน้อย แต่รูปทรงและสีสันของผลิตภัณฑ์
มีอิทธิพลมาก ดังนั้นผู้ประกอบการ ควรให้ความสําคัญกับการออกแบบรูปทรงและสีของผลิตภัณฑ์
ใหตรงตามความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น

3.จากผลการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าแบบ แพ็ค 3 ตัว โดยมี
ผู้ตอบถึงร้อยละ 64.0  ดังนั้นผู้ประกอบการ จึงควรเพ่ิมการผลิตแบบ แพ็ค 3 เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อและความต้องการของผู้บริโภค

4.จากผลการวิจัย พบว่า ผู้บริโภคให้ความสําคัญกับชนิดของเนื้อผ้า และส่วนใหญ่เลือกซื้อ
เนื้อผ้าแบบCotton 100%  ดังน้ันผู้ผลิตจึงควรเพิ่มการผลิตด้วยเนื้อผ้าแบบCotton100% ให้มากขึ้น
เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

5. ผู้ประกอบการควรเพิ่มการผลิตชุดชั้นในชายโทนสีขาว-ดํา มากขึ้น เพราะเป็นโทนสีที่มีผลการวิจัยออกมาแล้วว่าเป็นสี ทีผู้บริโภคเลือกมากที่สุดในปัจจุบัน

6. จากผลการวิจัยพบว่า  ราคามีผลต่อการเลือกตราสินค้าในอนาคต ซึ่งระดับราคาที่
ผู้บริโภคส่วนใหญ่ จ่ายในการซื้อชุดชั้นในชายอยู่ที่ราคาต่ำกว่า 100 บาท ดงนั้นผู้ระกอบการจึงควรพิจารณาในเรื่องของราคาของผลิตภัณฑ์ฺให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคด้วย เพื่อผู้บริโภคจะได้ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของเรา

7. ผู้ประกอบการควรเพ่ิมการผลิตกางเกงในชายทรงBIKINI  และทรงBOXER  เพราะจาก
ผลการวิจัยพบว่ารูปทรงมีอิทธิพลต่อการพฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในชายมากเป็นอันดับ2 รองจาก
ชนิดของเนื้อผ้าและสวนใหญ่เลือกซื้อกางเกงในชายทรง  BIKINI และทรง BOXER มากเป็นอันดับ 1 และ 2 ตามละดับ

8. ผู้ประกอบการควรมีการกระจายสินค้าให้ทั่วถึง เช่น ตามห้างสรรพสินค้าที่ใกล้แหล่ง
ชุมชน เพราะจากผลการวิจัยพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในชายที่ร้านค้าปลีกทั่วไป เนื่องจากมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย หรือกระจายไปตามร้านคาปลีกอื่นๆเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อได ้ื สะดวกมากขึ้น

พฤติกรรมการบริโภคชุดชั้นในชาย

พฤติกรรมการบริโภคชุดชั้นในชาย


การเลือกโทนสีชุดชั้นในชายหรือกางเกงในชาย ของผู้บริโภค

พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ชอบโทนสีขาว-ดํา มากท่ีสุด คิดเป็น ร้อยละ
69.4 รองลงมา คือผบริโภคชอบโทนส้ฟ้า – น้ำเงิน คิดเป็นร้อยละ 19.4

การเลือกเนื้อผ้าของชุดชั้นในชายของผู้บริโภค
พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกเนื้อผ้าแบบ Cotton 100 %  มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 56.1 รองลงมาคือ ผู้บริโภคเลือกเน้ือผ้าแบบ Cotton  คิดเป็นร้อยละ 18.9 และไม่สนใจเนื้อผ้า คิดเป็นร้อยละ 18.9


จำนวนการซื้อต่อแพ็คของชุดชั้นในชาย

แพ็คเดี่ยว 15.2%
แพ็คคู่ 8.1%
แพ็ค 1โหล 7.1%
แพ็ค 3 ตัว 63.6%
แพ็คครึ่งโหล 6.1%


ราคากางเกงในชายที่ใช้ของผู้บริโภคชุดชั้นในชาย
มากว่า 300 บาท 3.5%
100-200 บาท 36.2%
ต่ำกว่า 100 บาท 44.7%
200-300 บาท 15.6%


ความถี่ของความต้องการในการซื้อของผู้บริโภคชุดชั้นในชาย
8-12 เดือนต่อครั้ง 16.6%
มากกว่า 1 ปีต่อครั้ง 11.6%
4-8 เดือนต่อครั้ง 53.8%
ต่ำกว่า 4 เดือนต่อครั้ง 18.1%


รูปทรงผลิตภัีณฑ์
กางเกงในชายทรง Bikini 39.3%
กางเกงในทรง Boxer 18.7%
อื่น 1.2%
กางเกงในทรง Brief 9.2%
กางเกงในทรง Boxer Brief 5.0%
กางเกงในทรง G-String 1.7%
เสื้อคอกลม 12.3%
เสื้อกล้าม 12.6%


การใชเสื้อชั้นในชาย ้
ใช้ 39.4%
ไม่ใช้ 60.6%

ตลาดชุดชั้นในชาย

ตลาดชุดชั้นในชาย

ในปี 2551 ตลาดชุดชั้นในชายมีมูลค่าสูงถึง 2,500  ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดล่าง 75 %
ตลาดบน 25 % ผลิตภัณฑ์ชุดช้ันใน ซึ่งประเทศไทยมีรูปแบบที่หลากหลายและมีชื่อเรียกแต่ละ
ประเภทท่ีแตกต่างกันอาทิเช่น เส้ือกล้าม เส้ือคอกลม กางเกงในชายทรง Bikini, Boxer, Brief, Boxer
Brief  เป็นต้น อีกทั้งผู้ประกอบการในธุรกิจผลิตภัณฑ์ชุดช้ันในชาย มีสินค้าท้ังสินค้าไทยและสินค้า
ท่ีนําเข้าจากต่างประเทศเข้ามาจัดจําหน่ายมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
หลากหลายรูปแบบ เช่น มีสินค้านวัตกรรมใหม่ๆสําหรับชุดชั้นในชาย เช่น กางเกงในยืดหยุ่น 8
ทิศทาง,  การวางตําแหน่ง Brand  เป็น Sexy Brand  เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายมากขึ้น ส่งผลให้
ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น